Agel เอเจล กับมะเร็งลำไส้ใหญ่


ลักษณะทั่วไป
มะเร็งลำไส้ใหญ่ ถือเป็นมะเร็งชนิดหนึ่งที่พบได้บ่อยและเป็นสาเหตุแห่งการเสียชีวิตในลำดับต้น ๆ ของผู้ป่วยมะเร็งทั้งหมด  โดยจากสถิติทั่วโลกพบมะเร็งลำไส้ใหญ่ในผู้ชายเป็นลำดับที่ 4  หรือ 600,000 คนต่อปี  ส่วนในผู้หญิงพบเป็นลำดับที่ 3 รองจากมะเร็งเต้านมและมะเร็งปากมดลูก  และพบกว่า 500,000 คนต่อปี  ซึ่งมะเร็งลำไส้ใหญ่นับเป็นสาเหตุแห่งการเสียชีวิตในลำดับที่ 4 ของผู้ป่วยโรคมะเร็งทั้งหมด รองมาจากมะเร็งปอด มะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งกระเพาะอาหาร
สำหรับในประเทศไทย พบมะเร็งลำไส้ใหญ่ในผู้ชายมากเป็นลำดับ 3 รองจากมะเร็งตับและมะเร็งปอด โดยพบประมาณ 9 คน ในประชากร 100,000 คนต่อปี  ส่วนในผู้หญิงพบเป็นลำดับ 5 รองจากมะเร็งปากมดลูก มะเร็งเต้านม มะเร็งตับ มะเร็งปอด โดยพบประมาณ 8 คน ต่อ ประชากร100,000 คนต่อปี
สาเหตุของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
มะเร็งลำไส้ใหญ่ เป็นมะเร็งที่เกิดขึ้นบริเวณลำไส้ส่วนปลาย ซึ่งแบ่งออกเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ช่วงแรก (colon) และมะเร็งลำไส้ใหญ่ส่วนท้าย (rectum) ซึ่งปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุในการเกิดที่แน่ชัด  แต่พบว่าอาจมีความสัมพันธ์กับอาหารและสิ่งแวดล้อม โดยการรับประทานอาหารที่ให้พลังงาน ไขมันและน้ำตาลสูง
ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวเป็นสาเหตุของโรคอ้วน และพบว่าในผู้ที่เป็นโรคอ้วนจะมีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่มากกว่าคนปรกติประมาณ 1.2 เท่าสำหรับปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ คือ ผู้ที่มีอายุเกิน 50 ปี   มีประวัติบุคคลในครอบครัวเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่มากกว่า 2 คนขึ้นไป  เคยมีติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่  เคยเป็นโรคลำไส้ใหญ่อักเสบเรื้อรัง  และการสูบบุหรี่
อาการ
อาการ ที่พบในระยะแรกคือมีมูกเลือดปะปนมากับอุจจาระ โดยจะสังเกตได้ว่าอุจจาระมีสีคล้ำ คล้ายสีของเลือดหมู  หรือมีลักษณะการถ่ายอุจจาระที่ผิดปรกติออกไป เช่นปรกติไม่เคยท้องผูก ก็ท้องผูก หรือมีอาการท้องผูกสลับกับท้องเสีย  นอกจากนั้นอาจสังเกตได้จากขนาดของเส้นอุจจาระที่ลดลงผิดปรกติ  หรือมีอาการถ่ายอุจจาระไม่สุด
สำหรับในระยะที่รุนแรงมากขึ้น ผู้ป่วยจะมีอาการแน่นท้อง ท้องอืด ปวดท้อง  อาเจียน อ่อนเพลีย และน้ำหนักลดลงผิดปรกติ

การตรวจวินิจฉัย
การตรวจวินิจฉัย ผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ แพทย์จะทำการตรวจตรวจหาเลือดในอุจจาระหรือส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่  ซึ่งหากทำการส่องกล้องแล้วพบว่ามีก้อนเนื้องอก  แพทย์จะตัดชิ้นเนื้องอกนั้นมาวินิจฉัยว่าเป็นก้อนมะเร็งหรือไม่  หากเป็นมะเร็ง ก็จะต้องตรวจอีกว่าอาการของผู้ป่วยอยู่ในระยะใด เพื่อให้การรักษาที่เหมาะสมต่อไป
วิธีการรักษา
วิธีการรักษาหลักในปัจจุบันสำหรับผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ช่วงแรก (colon) ในระยะที่ 1 , 2 และ 3 คือการผ่าตัด ซึ่งผู้ป่วยในระยะที่ 2 บางรายและระยะที่ 3 จะได้รับวิธีการรักษาเสริมโดยการให้ยาเคมีบำบัดร่วมด้วย โดยปัจจุบันพบว่าการให้ยาเคมีบำบัดมีประสิทธิภาพสูงขึ้น และสามารถป้องกันการกลับมาของโรคได้ดีขึ้น
สำหรับผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย (rectum) นอกจากการผ่าตัดและการรักษาเสริมโดยการให้ยาเคมีบำบัดแล้วจะมีการใช้รังสีรักษาร่วมด้วย  ส่วนผู้ป่วยในระยะที่ 4 ซึ่งเป็นระยะที่โรคแพร่กระจายและคนส่วนใหญ่คิดว่าไม่สามารถรักษาได้แล้ว ความเชื่อนั้นไม่ถูกต้องเสมอไป เพราะหากผู้ป่วยมีสภาพร่างกายที่แข็งแรงพอ  แพทย์ก็สามารถที่จะให้การรักษาได้ ไม่ว่าจะเป็นการให้ยาเคมีบำบัดหรือรังสีรักษา  ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยส่วนหนึ่งมีอาการทุเลาลงหรือมีชีวิตที่ยืนยาวขึ้นได้
การดูแลตนเองหลังการรักษา
การดูแลตนเองหลังการรักษา ผู้ป่วยสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปรกติ แต่ควรรับประทานผัก  ผลไม้ ให้มาก ๆ  และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ




วันนี้สามารถดูแลตัวคุณเองแบบง่ายๆด้วยAGEL GRN – นวัตกรรมใหม่แห่งวงการ สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องการขับถ่าย “หากคุณเคยทำ Detox ไม่ควรพลาดสิ่งนี้ Agel GRN เจ้าแรกของโลกและเจ้าเดียวที่มาในรูปแบบเจล อร่อย และพกพาสะดวก”
Detox ง่ายๆ ด้วย Agel GRN
ร่างกายของเราดูดซึมทุกสิ่งทุกอย่างเข้ามาในร่างกายไม่ว่าจะเป็นของที่มีประโยชน์ และไม่มีประโยชน์ Agel GRN ประกอบไปด้วยสูตรส่วนผสมที่พิเศษ ที่อุดมไปด้วย Phytonutrient ที่มีประโยชน์ต่างๆ มากมาย ทั้ง สาหร่ายสไปรูลิน่า (Spirulina) และคลอโรฟิลล์ ดูแลและทำความสะอาดและขับของเสียออกจากร่างกายของคุณ
Agel GRN ช่วยคุณในเรื่องการขับถ่าย